การอยู่ไฟในมุมมองของความเชื่อ
การอยู่ไฟมีรากฐานมาจากความเชื่อและภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนที่สืบทอดกันมา โดยไม่มีเครื่องมือแพทย์เหมือนปัจจุบัน พวกเขาสังเกตและเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า การให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายคุณแม่หลังคลอดมีผลดี จึงเกิดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติและคำอธิบายตามความเชื่อนั้นๆ เช่น
- ป้องกันอาการหนาวสะท้านเมื่ออายุมากขึ้น เป็นความเชื่อที่ส่งต่อกันมาว่าหากไม่อยู่ไฟ ตอนแก่ตัวไปจะหนาวเข้ากระดูกได้ง่าย
- ปรับสมดุลธาตุในร่างกาย ตามหลักการแพทย์แผนไทยเชื่อว่าการคลอดทำให้ธาตุไฟในร่างกายลดลง การอยู่ไฟคือการเติมธาตุไฟให้กลับมาสมดุล
- ขับลมพิษ ขับของเสีย เป็นคำอธิบายแบบดั้งเดิมของการขับน้ำคาวปลาและของเสียต่างๆ
ในแง่นี้ การอยู่ไฟจึงมีลักษณะเป็นความเชื่อ ที่เป็นกุศโลบายในการดูแลสุขภาพของคุณแม่ในยุคสมัยนั้น
ประโยชน์ของการอยู่ไฟตามหลักวิทยาศาสตร์
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การประคบสมุนไพรและการอบตัวด้วยความร้อน ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการตั้งครรภ์และการคลอด
- บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ความร้อนจากการประคบหรืออบสมุนไพรมีฤทธิ์คล้ายกับการทำ hot compress therapy ในทางกายภาพบำบัด ซึ่งช่วยลดอาการตึงกล้ามเนื้อและปวดหลัง
- ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด กลิ่นสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ขมิ้น ไพล และการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้ดูแลในระหว่างอยู่ไฟ มีผลเชิงบวกต่อสภาวะจิตใจ ช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดบางส่วนได้
- ช่วยให้มดลูกหดตัว ความร้อนอาจช่วยกระตุ้นให้มดลูกหดตัวเร็วขึ้น แม้ไม่ใช่กลไกหลักเหมือนออกซิโทซิน แต่มีผลกระตุ้นทางอ้อม
หลักการของการอยู่ไฟนั้นมีประโยชน์ และสอดคล้องกับหลักการฟื้นฟูร่างกาย ในมุมมองวิทยาศาสตร์ การใช้ความร้อนบำบัด การนวด การใช้สมุนไพร ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยส่งเสริม ให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ไม่สบายตัว และที่สำคัญคือ มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพจิตใจ
การที่คุณแม่ได้มีช่วงเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ มีคนคอยดูแลปรนนิบัติด้วยการนวดประคบ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูกอ่อน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้
หลักการสำคัญของการอยู่ไฟและคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
การอยู่ไฟยุคใหม่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ปลอดภัยและเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเน้นหลักการสำคัญที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของร่างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ ดังนี้
1. การใช้ความร้อนบำบัด (Thermotherapy)
การใช้ความร้อนเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ไฟ ได้แก่ การประคบสมุนไพร, การเข้ากระโจมอบไอน้ำสมุนไพร, การประคบหม้อเกลือ, การอาบน้ำอุ่น ซึ่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่อธิบายประโยชน์ของความร้อนได้ดังนี้
- กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ความร้อนช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น การไหลเวียนที่ดีจะช่วยนำออกซิเจนและสารอาหารไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ที่เสียหายจากการคลอดได้เร็วขึ้น และยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งอาจรวมถึงน้ำคาวปลา (Lochia) ด้วย
- บรรเทาอาการปวดเมื่อย หลังคลอด คุณแม่มักมีอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณหลัง บั้นเอว และขา ความร้อนจะช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี
- ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ ความร้อนกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวได้ดีขึ้น ทำให้มดลูกกลับคืนสู่ขนาดปกติหรือที่เรียกว่ามดลูกเข้าอู่ ได้เร็วขึ้น และช่วยลดปริมาณน้ำคาวปลาได้
2. การใช้สมุนไพร (Herbal Medicine)
สมุนไพรที่ใช้ในการอยู่ไฟมีหลากหลายชนิดและหลายวิธี เช่น การอบไอน้ำสมุนไพร, การประคบสมุนไพร, การดื่มน้ำสมุนไพร, การรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยสมุนไพร ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้:
- สารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ สมุนไพรหลายชนิด เช่น ไพล (Zingiber cassumunar), ขมิ้นชัน (Curcuma longa), และตะไคร้ (Cymbopogon citratus) มีสารที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดอาการปวดบวมและส่งเสริมการฟื้นฟูแผล
- น้ำมันหอมระเหย กลิ่นหอมจากสมุนไพร เช่น ผิวมะกรูด ตะไคร้ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณแม่หลังคลอดมักต้องเผชิญ
- กระตุ้นการหลั่งน้ำนม สมุนไพรบางชนิด เช่น หัวปลี และขิง ถูกนำมาใช้ในอาหารสำหรับแม่หลังคลอด มีการศึกษาเบื้องต้นพบว่าอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม
3. การนวด (Massage Therapy)
การนวดเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายคุณแม่หลังคลอด มีประโยชน์ดังนี้
- คลายกล้ามเนื้อและลดอาการปวด การนวดช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากการอุ้มท้องและกระบวนการคลอด
- กระตุ้นการไหลเวียน เช่นเดียวกับความร้อน การนวดช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองให้ทำงานได้ดีขึ้น
- ลดความเครียด การนวดช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้
4. การพยุงหน้าท้อง (Abdominal Support)
การใช้ผ้าพันหน้าท้องหรือการทับหม้อเกลือ เป็นวิธีที่ช่วยพยุงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่หย่อนคล้อยหลังคลอด
- ลดอาการปวดแผลผ่าตัด สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอด การใช้ผ้าพยุงหน้าท้องช่วยลดการเคลื่อนไหวของแผล ทำให้บรรเทาความเจ็บปวดและช่วยให้เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น
- ช่วยพยุงกล้ามเนื้อ ช่วยพยุงกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังส่วนล่าง ทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่าการรัดหน้าท้องจะช่วยให้หน้าท้องยุบเร็วขึ้นอย่างถาวร
ข้อควรระวังในการอยู่ไฟ
แม้ว่าการอยู่ไฟจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับคุณแม่ที่มีภาวะแทรกซ้อนคุณแม่ที่ผ่าคลอด ควรเว้นระยะให้แผลผ่าตัดหายดีก่อน (ประมาณ 30-45 วัน) และปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการอยู่ไฟ โดยเฉพาะการนวดหรือประคบบริเวณหน้าท้อง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ หากมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส ไม่ควรทำการอยู่ไฟเพราะความร้อนอาจทำให้อาการแย่ลง รวมทั้งความสะอาดและปลอดภัย สถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ต้องสะอาดและได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การอยู่ไฟไม่ใช่สิ่งจำเป็นทางการแพทย์ที่คุณแม่ทุกคนต้องทำ แต่เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่มีประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ โดยนำเอาภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผสมผสานเข้ากับความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยการใช้ความร้อน สมุนไพร และการนวดเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายของคุณแม่ ลดอาการปวดเมื่อย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และส่งเสริมสุขภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่เป็นประโยชน์ในการดูแลตนเองหลังคลอด อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรเลือกรับบริการจากสถานประกอบการที่น่าเชื่อถือและปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ โดยเฉพาะหากมีภาวะสุขภาพที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
การตัดสินใจว่าจะอยู่ไฟหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับความพร้อม ความสะดวก และความเชื่อของแต่ละบุคคล หากคุณแม่เลือกที่จะอยู่ไฟ ก็จะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากการฟื้นตัวตามปกติ แต่หากเลือกที่จะไม่อยู่ไฟ และดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็สามารถมีสุขภาพที่แข็งแรงและฟื้นตัวได้ดีเช่นเดียวกัน
หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้…
STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ
สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล
Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง
โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
Email: stemcellforlife@greaterpharma.com
Line : @stemcellforlife