ชีวิตคนเราอาจดูเหมือนแข็งแรงอยู่เสมอ…
จนกระทั่งโรคร้ายมาเยือน
โรคเรื้อรังและโรคเสื่อมต่างๆ เช่น มะเร็ง หลอดเลือดสมองตีบ เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อม โรคตับ หรือแม้กระทั่งโรคแพ้ภูมิตัวเอง ล้วนเป็นภัยเงียบที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไร มีวิถีชีวิตแบบใด หรือแม้แต่มีสุขภาพดีแค่ไหนก็ตาม ความน่ากลัวของโรคเหล่านี้ไม่ได้มีแค่การลุกลามของอาการหรือความเสี่ยงถึงชีวิตเท่านั้น แต่อยู่ที่ “การรักษา” ซึ่งแม้จะช่วยประคับประคองชีวิตไว้ได้ แต่ก็มักทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้กับร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในอดีต วิธีรักษาโรคร้ายมักมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาการหรือจำกัดการลุกลามของโรค เช่น ใช้ยา กายภาพบำบัด ฉีดฮอร์โมน หรือผ่าตัด แต่ในหลายกรณี เมื่ออวัยวะหรือเซลล์ถูกทำลายไปแล้ว การรักษาเหล่านี้กลับไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากต้อง “อยู่กับโรค” หรือ “อยู่กับผลของโรค” ไปตลอดชีวิต เช่น อัมพาต ข้อเสื่อมถาวร การฉีดอินซูลินตลอดชีวิต หรือภาวะไตวายจากโรคภูมิต้านทานตัวเอง
ในหลาย 10 ปีที่ผ่านมา วิทยาศาสตร์การแพทย์จึงเริ่มแสวงหาวิธีการใหม่ที่ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” แต่สามารถ “ฟื้นฟูร่างกาย” ให้กลับมาทำงานได้ใกล้เคียงปกติอีกครั้ง หนึ่งในแนวทางที่เป็นที่จับตามองมากที่สุดคือการใช้ “สเต็มเซลล์” (Stem Cells) ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการแบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์
บทความนี้จึงตั้งใจรวบรวมข้อมูลหลักฐานวิจัยที่เชื่อถือได้ และผลลัพธ์จากการรักษา เพื่อให้เห็นภาพชัดว่า “โรคอะไรบ้างที่สเต็มเซลล์ช่วยได้จริง?” และการใช้ในปัจจุบันมีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง
1. มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นหนึ่งในโรคแรก ๆ ที่มีการนำ สเต็มเซลล์เม็ดเลือด (Hematopoietic Stem Cell) มาใช้ในการรักษา โดยใช้การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone Marrow Transplantation) เพื่อสร้างระบบเม็ดเลือดใหม่หลังการทำเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี
ผลลัพธ์:
- ผู้ป่วยสามารถเข้าสู่ภาวะโรคสงบได้
- มีการรอดชีวิตระยะยาว โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น
- ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ เมื่อใช้สเต็มเซลล์จากสายสะดือของตนเอง
อ้างอิง:
Thomas ED, Lochte HL Jr, Lu WC, Ferrebee JW. Intravenous infusion of bone marrow in patients receiving radiation and chemotherapy. N Engl J Med. 1957;257(11):491–6
2. โรคหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic Stroke)
ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบมักเผชิญกับความพิการถาวรจากการเสียหายของเนื้อสมอง แม้รอดชีวิตจากภาวะเฉียบพลัน การฉีด Mesenchymal Stem Cells (MSCs) เข้าสู่บริเวณสมองที่เสียหาย สามารถกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ประสาท และฟื้นฟูการทำงานทางระบบประสาทได้
ผลลัพธ์จากงานวิจัย:
- การเคลื่อนไหว ดีขึ้นอย่างชัดเจน
- ผู้ป่วยบางรายสามารถเดินได้เองอีกครั้ง
- ไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการปลูกถ่าย
อ้างอิง:
Steinberg GK et al. Clinical Outcomes of Transplanted Modified Bone Marrow–Derived Mesenchymal Stem Cells in Stroke: A Phase 1/2a Study. Stroke. 2016;47(7):1817–24
3. โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
การใช้ MSCs จากเนื้อเยื่อไขมัน ฉีดเข้าข้อเข่าเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยหวังผลทั้งการลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิวข้อ และชะลอการเสื่อมของกระดูกอ่อน
ผลลัพธ์จากการศึกษา:
- อาการปวดลดลง
- MRI แสดงให้เห็นการสร้างกระดูกอ่อนใหม่
- ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรงจากการรักษา
อ้างอิง:
Jo CH et al. Intra-articular injection of mesenchymal stem cells for the treatment of osteoarthritis of the knee: a proof-of-concept clinical trial. Stem Cells. 2014;32(5):1254–66
4. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes Mellitus)
การใช้ สเต็มเซลล์จากไขกระดูกของผู้ป่วยเอง ฉีดเข้าเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงตับอ่อน แสดงให้เห็นศักยภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และปรับปรุงการทำงานของเซลล์เบต้า
ผลลัพธ์:
- ค่าระดับน้ำตาลในเลือด ลดลงเฉลี่ย ~1.5%
- ลดความต้องการใช้ยาอินซูลินในหลายราย
- ไม่พบภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา
อ้างอิง:
Bhansali A et al. Efficacy and safety of autologous mesenchymal stem cell transplantation in patients with type 2 diabetes mellitus: a randomized, open-label, parallel-group study. Stem Cell Res Ther. 2017;8(1):81. DOI: 10.1186/s13287-017-0536-3
5. โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Systemic Lupus Erythematosus – SLE)
SLE เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันทำลายอวัยวะของตัวเอง การใช้ MSCs จากผู้บริจาค (allogeneic) ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถ “รีเซ็ต” ระบบภูมิคุ้มกันให้กลับมาเป็นปกติได้ในบางราย
ผลการศึกษา (ในผู้ป่วย SLE ดื้อต่อการรักษา):
- อัตรารอดชีวิต 94%
- อัตราการหายขาดใน 4 ปี = 50%
- ลดระดับ Autoantibodies
- ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงจากการปลูกถ่าย
อ้างอิง:
Wang D, Zhang H, Liang J, et al. Allogeneic mesenchymal stem cell transplantation in refractory systemic lupus erythematosus: a pilot clinical study. Cell Transplant. 2013;22(12):2279–2286
6. โรคตับแข็งระยะสุดท้าย (End-Stage Liver Cirrhosis)
MSCs จากสายสะดือหรือไขกระดูก ถูกนำมาใช้ในการฟื้นฟูตับที่ถูกทำลาย ลดพังผืด และช่วยฟื้นการทำงานของตับในผู้ป่วยที่ยังไม่สามารถปลูกถ่ายตับได้
ผลลัพธ์จากการศึกษา:
- ค่าการทำงานต่างๆของตับดีขึ้น
- ลดปริมาณน้ำในช่องท้อง
- ไม่พบความเสี่ยงต่อมะเร็งตับในกลุ่มทดลอง
- ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อ้างอิง:
El-Ansary M et al. Phase II trial: undifferentiated versus differentiated autologous mesenchymal stem cells transplantation in Egyptian patients with HCV induced liver cirrhosis. Stem Cell Rev Rep. 2012;8(3):972–81
สเต็มเซลล์ ทางเลือกใหม่… ที่อาจเป็นคำตอบในอนาคต
แม้การใช้สเต็มเซลล์ยังต้องอาศัยการศึกษาและติดตามผลระยะยาว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน สเต็มเซลล์ไม่ใช่แค่ “ความหวังในอนาคต” อีกต่อไป แต่เริ่มกลายเป็น “แนวทางรักษาทางเลือก” ที่มีงานวิจัยรองรับมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศและระดับสากล และยิ่งไปกว่านั้น หากคุณมีการ เก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นจากเลือดสายสะดือ หรือเนื้อเยื่อรก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการนำมาใช้รักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวในอนาคตได้
หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้…
STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ
สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล
Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง
โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
Email: stemcellforlife@greaterpharma.com
Line : @stemcellforlife