รู้คำตอบ… 6 โรคร้าย รักษาด้วยสเต็มเซลล์ได้จริงไหม?

 

ชีวิตคนเราอาจดูเหมือนแข็งแรงอยู่เสมอ…

จนกระทั่งโรคร้ายมาเยือน

 

โรคเรื้อรังและโรคเสื่อมต่างๆ เช่น มะเร็ง หลอดเลือดสมองตีบ เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อม โรคตับ หรือแม้กระทั่งโรคแพ้ภูมิตัวเอง ล้วนเป็นภัยเงียบที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไร มีวิถีชีวิตแบบใด หรือแม้แต่มีสุขภาพดีแค่ไหนก็ตาม ความน่ากลัวของโรคเหล่านี้ไม่ได้มีแค่การลุกลามของอาการหรือความเสี่ยงถึงชีวิตเท่านั้น แต่อยู่ที่ “การรักษา” ซึ่งแม้จะช่วยประคับประคองชีวิตไว้ได้ แต่ก็มักทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้กับร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          ในอดีต วิธีรักษาโรคร้ายมักมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาการหรือจำกัดการลุกลามของโรค เช่น ใช้ยา กายภาพบำบัด ฉีดฮอร์โมน หรือผ่าตัด แต่ในหลายกรณี เมื่ออวัยวะหรือเซลล์ถูกทำลายไปแล้ว การรักษาเหล่านี้กลับไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากต้อง “อยู่กับโรค” หรือ “อยู่กับผลของโรค” ไปตลอดชีวิต เช่น อัมพาต ข้อเสื่อมถาวร การฉีดอินซูลินตลอดชีวิต หรือภาวะไตวายจากโรคภูมิต้านทานตัวเอง

          ในหลาย 10 ปีที่ผ่านมา วิทยาศาสตร์การแพทย์จึงเริ่มแสวงหาวิธีการใหม่ที่ไม่ใช่แค่ “รักษาอาการ” แต่สามารถ “ฟื้นฟูร่างกาย” ให้กลับมาทำงานได้ใกล้เคียงปกติอีกครั้ง หนึ่งในแนวทางที่เป็นที่จับตามองมากที่สุดคือการใช้ “สเต็มเซลล์” (Stem Cells) ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการแบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์

บทความนี้จึงตั้งใจรวบรวมข้อมูลหลักฐานวิจัยที่เชื่อถือได้ และผลลัพธ์จากการรักษา เพื่อให้เห็นภาพชัดว่า “โรคอะไรบ้างที่สเต็มเซลล์ช่วยได้จริง?” และการใช้ในปัจจุบันมีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง

 

 

 

1. มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นหนึ่งในโรคแรก ๆ ที่มีการนำ สเต็มเซลล์เม็ดเลือด (Hematopoietic Stem Cell) มาใช้ในการรักษา โดยใช้การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone Marrow Transplantation) เพื่อสร้างระบบเม็ดเลือดใหม่หลังการทำเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี

ผลลัพธ์:

  • ผู้ป่วยสามารถเข้าสู่ภาวะโรคสงบได้
  • มีการรอดชีวิตระยะยาว โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น
  • ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ เมื่อใช้สเต็มเซลล์จากสายสะดือของตนเอง

 อ้างอิง:
Thomas ED, Lochte HL Jr, Lu WC, Ferrebee JW. Intravenous infusion of bone marrow in patients receiving radiation and chemotherapy. N Engl J Med. 1957;257(11):491–6

 

2. โรคหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic Stroke)

ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบมักเผชิญกับความพิการถาวรจากการเสียหายของเนื้อสมอง แม้รอดชีวิตจากภาวะเฉียบพลัน การฉีด Mesenchymal Stem Cells (MSCs) เข้าสู่บริเวณสมองที่เสียหาย สามารถกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ประสาท และฟื้นฟูการทำงานทางระบบประสาทได้

ผลลัพธ์จากงานวิจัย:

  • การเคลื่อนไหว ดีขึ้นอย่างชัดเจน
  • ผู้ป่วยบางรายสามารถเดินได้เองอีกครั้ง
  • ไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการปลูกถ่าย

 อ้างอิง:
Steinberg GK et al. Clinical Outcomes of Transplanted Modified Bone Marrow–Derived Mesenchymal Stem Cells in Stroke: A Phase 1/2a Study. Stroke. 2016;47(7):1817–24

 

 

 

3. โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis)

การใช้ MSCs จากเนื้อเยื่อไขมัน ฉีดเข้าข้อเข่าเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยหวังผลทั้งการลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิวข้อ และชะลอการเสื่อมของกระดูกอ่อน

ผลลัพธ์จากการศึกษา:

  • อาการปวดลดลง
  • MRI แสดงให้เห็นการสร้างกระดูกอ่อนใหม่
  • ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรงจากการรักษา

อ้างอิง:
Jo CH et al. Intra-articular injection of mesenchymal stem cells for the treatment of osteoarthritis of the knee: a proof-of-concept clinical trial. Stem Cells. 2014;32(5):1254–66

 

4. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes Mellitus)

การใช้ สเต็มเซลล์จากไขกระดูกของผู้ป่วยเอง ฉีดเข้าเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงตับอ่อน แสดงให้เห็นศักยภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และปรับปรุงการทำงานของเซลล์เบต้า

ผลลัพธ์:

  • ค่าระดับน้ำตาลในเลือด ลดลงเฉลี่ย ~1.5%
  • ลดความต้องการใช้ยาอินซูลินในหลายราย
  • ไม่พบภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา

 อ้างอิง:
Bhansali A et al. Efficacy and safety of autologous mesenchymal stem cell transplantation in patients with type 2 diabetes mellitus: a randomized, open-label, parallel-group study. Stem Cell Res Ther. 2017;8(1):81. DOI: 10.1186/s13287-017-0536-3

 

5. โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Systemic Lupus Erythematosus – SLE)

SLE เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันทำลายอวัยวะของตัวเอง การใช้ MSCs จากผู้บริจาค (allogeneic) ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถ “รีเซ็ต” ระบบภูมิคุ้มกันให้กลับมาเป็นปกติได้ในบางราย

ผลการศึกษา (ในผู้ป่วย SLE ดื้อต่อการรักษา):

  • อัตรารอดชีวิต 94%
  • อัตราการหายขาดใน 4 ปี = 50%
  • ลดระดับ Autoantibodies 
  • ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงจากการปลูกถ่าย

 อ้างอิง:
Wang D, Zhang H, Liang J, et al. Allogeneic mesenchymal stem cell transplantation in refractory systemic lupus erythematosus: a pilot clinical study. Cell Transplant. 2013;22(12):2279–2286

 

6. โรคตับแข็งระยะสุดท้าย (End-Stage Liver Cirrhosis)

MSCs จากสายสะดือหรือไขกระดูก ถูกนำมาใช้ในการฟื้นฟูตับที่ถูกทำลาย ลดพังผืด และช่วยฟื้นการทำงานของตับในผู้ป่วยที่ยังไม่สามารถปลูกถ่ายตับได้

ผลลัพธ์จากการศึกษา:

  • ค่าการทำงานต่างๆของตับดีขึ้น
  • ลดปริมาณน้ำในช่องท้อง
  • ไม่พบความเสี่ยงต่อมะเร็งตับในกลุ่มทดลอง
  • ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 อ้างอิง:
El-Ansary M et al. Phase II trial: undifferentiated versus differentiated autologous mesenchymal stem cells transplantation in Egyptian patients with HCV induced liver cirrhosis. Stem Cell Rev Rep. 2012;8(3):972–81

 

 

สเต็มเซลล์ ทางเลือกใหม่… ที่อาจเป็นคำตอบในอนาคต

แม้การใช้สเต็มเซลล์ยังต้องอาศัยการศึกษาและติดตามผลระยะยาว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน สเต็มเซลล์ไม่ใช่แค่ “ความหวังในอนาคต” อีกต่อไป แต่เริ่มกลายเป็น “แนวทางรักษาทางเลือก” ที่มีงานวิจัยรองรับมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศและระดับสากล และยิ่งไปกว่านั้น หากคุณมีการ เก็บสเต็มเซลล์ตั้งแต่แรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นจากเลือดสายสะดือ หรือเนื้อเยื่อรก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการนำมาใช้รักษาตัวเองหรือคนในครอบครัวในอนาคตได้

 

 

หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้… 

STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ

 

สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล

 

 

Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง

โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.

Email: stemcellforlife@greaterpharma.com

Line : @stemcellforlife

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *