รู้จัก “สเต็มเซลล์” ให้มากขึ้น 4 เรื่องสำคัญที่คุณอาจไม่เคยรู้

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “สเต็มเซลล์” กลายเป็นหนึ่งในคำที่ถูกพูดถึงบ่อยในแวดวงสุขภาพและความงาม…

 

หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับคุณสมบัติของสเต็มเซลล์ในการซ่อมแซมร่างกายหรือแม้กระทั่งการใช้รักษาโรคบางชนิด แต่ทราบหรือไม่ว่า แท้จริงแล้วสเต็มเซลล์คืออะไร? และใช้ประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับสเต็มเซลล์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่าน 4 ข้อเท็จจริงสำคัญ ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้

 

 

1. สเต็มเซลล์คืออะไร?

สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คือเซลล์ต้นกำเนิดที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ตั้งแต่ระยะตัวอ่อน ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ ภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ประสาท เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์กระดูก หรือเซลล์ในระบบอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากบทบาทในการสร้างเซลล์ใหม่แล้ว สเต็มเซลล์ยังมีหน้าที่สำคัญในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายจากการบาดเจ็บหรือเสื่อมสภาพตามวัย อย่างไรก็ตาม เมื่อเราอายุมากขึ้น ความสามารถของร่างกายในการผลิตสเต็มเซลล์จะลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างกายลดลงตามไปด้วย

 

2. สเต็มเซลล์แบ่งออกเป็นกี่ประเภทและแตกต่างกันอย่างไร 

สเต็มเซลล์แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ HSCs (Hematopoietic Stem Cells) และ MSCs (Mesenchymal Stem Cells)
HSCs เป็นเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลือด มีความสามารถในการพัฒนาเป็นเซลล์เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด จึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคทางระบบเลือด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว
ส่วน MSCs เป็นเซลล์ต้นกำเนิดชนิดเมเซนไคมัลที่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์กระดูก กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ หรือไขมัน มีศักยภาพสูงในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
ด้วยความแตกต่างนี้ HSCs และ MSCs จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ฟื้นฟูที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการในการรักษาโรคต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

 

3. สเต็มเซลล์สามารถรักษาโรคอะไรได้บ้าง?

สเต็มเซลล์ได้รับการนำมาใช้ในการรักษาโรคหลากหลายชนิด โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ธาลัสซีเมีย และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด นอกจากนี้ยังมีการศึกษานำสเต็มเซลล์มาใช้ฟื้นฟูเนื้อเยื่อในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเบาหวานประเภทที่ 1 โรคพาร์กินสัน รวมถึงโรคข้อเสื่อมและบาดเจ็บของไขสันหลัง ด้วยคุณสมบัติในการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ สเต็มเซลล์จึงเป็นความหวังสำคัญของเวชศาสตร์ฟื้นฟูในอนาคต อีกทั้งยังมีบทบาทในการวิจัยพัฒนายาใหม่และการทดสอบความปลอดภัยของสารต่าง ๆ ในระดับเซลล์อย่างแม่นยำ ปัจจุบัน งานวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ยังคงก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะขยายขอบเขตการรักษาไปสู่โรคเรื้อรังและโรคซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้

 

 

4. สเต็มเซลล์สามารถชะลอวัยหรือเสริมความงามได้หรือไม่?

คำถามนี้เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัย สเต็มเซลล์เข้ามามีบทบาทสำคัญในการชะลอวัยและเสริมความงาม ด้วยคุณสมบัติในการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส เต่งตึง และมีสุขภาพดี ปัจจุบันมีการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทรีตเมนต์ และการฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูเส้นผม แม้บางแนวทางยังอยู่ในขั้นวิจัย แต่มีแนวโน้มพัฒนาเป็นนวัตกรรมความงามที่มีประสิทธิภาพในอนาคต การใช้งานควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อความปลอดภัยสูงสุดที่ดีที่สุดในการดูแลร่างกายและผิวพรรณในระยะยาว

 

หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้… 

STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ

 

สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล

 

 

Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง

โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.

Email: stemcellforlife@greaterpharma.com

Line : @stemcellforlife

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *