ช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ (1–3 เดือน) เป็นช่วงที่ทารกเริ่มพัฒนาอวัยวะสำคัญ
คุณแม่จึงต้องใส่ใจดูแลตัวเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมหรือสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ต่อไปนี้คือข้อห้ามสำคัญที่คุณแม่ควรรู้และหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด
1. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ส่งผลเสียโดยตรงต่อการพัฒนาสมองและอวัยวะของทารก เสี่ยงต่อภาวะ Fetal Alcohol Syndrome ที่ทำให้ลูกพิการแต่กำเนิด
2. ห้ามสูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้ควันบุหรี่
นิโคตินและสารพิษในบุหรี่ส่งผลต่อพัฒนาการของรก เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย หรือการแท้ง
3. ห้ามใช้สารเสพติดทุกชนิด
ยาเสพติดไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อแม่ แต่ยังทำให้ทารกเสี่ยงพิการ แท้ง หรือเสียชีวิตในครรภ์
4. ห้ามกินอาหารดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ
เช่น ซูชิ ปลาดิบ หอยนางรม ไข่ดิบ เสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรีย (Listeria, Salmonella) ซึ่งอาจทำให้แท้งได้
5. ห้ามใช้ยาหรืออาหารเสริมโดยไม่ปรึกษาแพทย์
แม้แต่ยาสามัญบางชนิด เช่น พาราเซตามอลหรือยาแก้แพ้ ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
6. ห้ามออกกำลังกายหักโหม
หลีกเลี่ยงการออกแรงมาก เช่น วิ่ง ยกของหนัก เพราะอาจทำให้มดลูกบีบตัวและเสี่ยงแท้ง
7. ห้ามดื่มคาเฟอีนเกิน 1 แก้วต่อวัน
คาเฟอีนมากเกินไป (เกิน 200 มก. ต่อวัน) เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งหรือทารกน้ำหนักน้อย
8. ห้ามสัมผัสสารเคมีรุนแรง
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สีทาบ้าน ยาย้อมผม หรือยาทาเล็บบางชนิด อาจมีสารพิษที่ซึมเข้าสู่ร่างกาย
9. ห้ามเครียดหรือพักผ่อนไม่พอ
ความเครียดเรื้อรังและการอดนอนมีผลต่อฮอร์โมนที่ควบคุมการตั้งครรภ์ เสี่ยงแท้งหรือภาวะแทรกซ้อน
10. ห้ามเดินทางไกลโดยไม่จำเป็น
โดยเฉพาะการเดินทางที่ต้องนั่งนาน ๆ อาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดหรือเหนื่อยล้าจนกระทบลูกน้อย
ป้องกันการแท้ง! สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในไตรมาสแรก
ยกของหนัก – เสี่ยงมดลูกบีบตัว
นอนผิดท่า – หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
กิจกรรมโลดโผน – เช่น ขี่จักรยาน ขึ้นเขา หรือกิจกรรมที่มีแรงกระแทก
เคล็ดลับเสริมจิตใจคุณแม่ไตรมาสแรก
- ฟังเพลงผ่อนคลายหรือเสียงธรรมชาติ
- ฝึกหายใจลึกและช้า
- จดบันทึกความรู้สึกและอาการในแต่ละวัน
- หลีกเลี่ยงการเสพข่าวหรือเรื่องเครียดบนโซเชียล
- คุยกับลูกในท้องเป็นประจำ แม้เขาจะยังเล็กก็ตาม
เคล็ดลับการดูแลตัวเองในช่วงตั้งครรภ์ 1–3 เดือน
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ผัก ผลไม้ โปรตีน และโฟเลต ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7–9 ชั่วโมง ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินหรือโยคะสำหรับคนท้อง พบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
เมื่อไหร่ควรรีบไปพบแพทย์?
- มีเลือดออกทางช่องคลอด
- ปวดท้องรุนแรงหรือเป็นลม
- มีไข้สูง
- คลื่นไส้ อาเจียนหนักจนกินไม่ได้เลย
- ท้องไม่โตขึ้นหรือลูกไม่ดิ้นเมื่อพ้นไตรมาสแรก
ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ไตรมาสแรก
ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์หรือเร็วที่สุดเมื่อรู้ว่าท้อง
เพื่อประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภูมิคุ้มกันต่อหัดเยอรมัน ฯลฯ เพราะบางโรคอาจส่งผลกระทบต่อทารกในระยะเริ่มต้นของการตั้งครรภ์
ทานกรดโฟลิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จนครบ 3 เดือนแรก
กรดโฟลิกมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบประสาทของทารก ช่วยป้องกันความผิดปกติของหลอดประสาท (neural tube defects)
หลีกเลี่ยงอุณหภูมิร่างกายที่สูงเกินไป
การแช่น้ำร้อนหรือซาวน่าร้อนจัดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติของทารกในครรภ์ เพราะอุณหภูมิสูงส่งผลต่อการแบ่งเซลล์ช่วงแรก ๆ
หลีกเลี่ยงเสียงดังหรือสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย
เสียงดังจัดหรือความเครียดจากสภาพแวดล้อมรอบตัวสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล ที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกในระยะยาว
งดพฤติกรรม “อดอาหาร” หรือ “ควบคุมแคลอรีเข้มงวด”
แม้แม่จะอยากคุมน้ำหนัก แต่ช่วงตั้งครรภ์เป็นเวลาที่ร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารครบถ้วน การอดอาหารอาจทำให้ทารกได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
ตรวจสุขภาพฟันและเหงือก
มีงานวิจัยระบุว่าการติดเชื้อในช่องปาก เช่น โรคปริทันต์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดได้ หากวางแผนจะขูดหินปูนหรือถอนฟันควรแจ้งทันทีว่า “กำลังตั้งครรภ์”
หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ฉับพลัน เช่น โกรธหรือร้องไห้บ่อย
การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนในช่วงนี้มีผลต่ออารมณ์ การฝึกสติหรือทำสมาธิช่วยให้คุณแม่มีจิตใจสงบ และส่งผลดีต่อลูก
เคล็ดลับเสริมจิตใจคุณแม่ไตรมาสแรก
- ฟังเพลงผ่อนคลายหรือเสียงธรรมชาติ
- ฝึกหายใจลึกและช้า
- จดบันทึกความรู้สึกและอาการในแต่ละวัน
- หลีกเลี่ยงการเสพข่าวหรือเรื่องเครียดบนโซเชียล
- คุยกับลูกในท้องเป็นประจำ แม้เขาจะยังเล็กก็ตาม
หากคุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น ธาลัสซีเมีย, เบาหวาน, ไทรอยด์, หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ต้องแจ้งแพทย์ทันที เพื่อวางแผนดูแลครรภ์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีผลต่อทารกในช่วง 3 เดือนแรกโดยตรง
ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องใส่ใจทุกพฤติกรรม ข้อห้ามที่กล่าวมาอาจดูเยอะ แต่ล้วนเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก การดูแลตัวเองตั้งแต่ต้น คือกุญแจสู่การตั้งครรภ์ที่แข็งแรงและมีความสุข
หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้…
STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ
สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล
Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง
โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
Email: stemcellforlife@greaterpharma.com
Line : @stemcellforlife