ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2548 และในปัจจุบันเรากำลังก้าวสู่ “สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์” (Aged Society) อย่างแท้จริง กล่าวคือประชากรจะเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งแนวโน้มนี้จะยิ่งทวีความชัดเจนในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ปัจจุบันแม้ความก้าวหน้าทางการแพทย์จะช่วยให้คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น แต่การมีอายุยืนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพ หนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในการดูแลผู้สูงอายุคือ เวชศาสตร์ฟื้นฟู ด้วยสเต็มเซลล์
ทำไมสเต็มเซลล์ถึงเกี่ยวข้องกับผู้สูงวัย?
ผู้สูงอายุมีความเสื่อมของระบบต่างๆ ในร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อ หลอดเลือด ข้อต่อ ตับ ไต หรือแม้แต่สมอง การรักษาในปัจจุบันอาจช่วยบรรเทาอาการ แต่ไม่สามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายไปแล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันทางการแพทย์มีแนวคิดการใช้ สเต็มเซลล์ในเวชศาสตร์ฟื้นฟู เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า Mesenchymal Stem Cells (MSCs) ซึ่งมีการศึกษาในโรคที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อม เช่น
- โรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต)
- ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ภาวะตับแข็งหรือตับอักเสบเรื้อรัง
- ภาวะข้อเข่าเสื่อม
- การบาดเจ็บของไขสันหลัง
จุดเด่นของ MSCs คือ ความสามารถในการส่งสัญญาณกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ, ลดการอักเสบ ภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น กลับมาช่วยเหลือตัวเองได้
สเต็มเซลล์ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่คือความหวัง
ข้อมูลจากงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศพบว่า สเต็มเซลล์ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้จริง แม้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากนำมาใช้ควบคู่กับการรักษามาตรฐาน เช่น การทำกายภาพบำบัด โอกาสที่ผู้ป่วยจะกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ผู้ป่วยที่เคยอ่อนแรงจากโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เมื่อได้รับการฟื้นฟูร่วมกับ MSCs สามารถกลับมาเดิน หรือใช้แขนขาได้ดีขึ้น ลดภาระของครอบครัวในการดูแล และลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขในระยะยาว
อนาคตของประเทศไทยกับบทบาทในระดับนานาชาติ
ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็น Medical Hub ที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน ผสมผสานกับนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างการใช้สเต็มเซลล์ แต่จะเกิดขึ้นได้จริง ต้องมีการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ นักวิจัย สถานพยาบาล และภาคเอกชน พร้อมกับการจัดตั้ง ธนาคารสเต็มเซลล์ระดับประเทศ ที่รองรับการเก็บและใช้เซลล์จากผู้ป่วยเอง ซึ่งจะปลอดภัยและมีโอกาสเข้ากันได้สูงกว่าการใช้เซลล์จากผู้อื่น
คำถามที่คนไข้ถามบ่อย
การรักษาด้วยสเต็มเซลล์มีผลข้างเคียงไหม?
ปัจจุบันยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงรุนแรงในผู้ที่ได้รับการรักษาด้วย MSCs ที่ผ่านการคัดกรองและเตรียมตามมาตรฐาน แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
ค่าใช้จ่ายแพงไหม?
ค่าใช้จ่ายยังค่อนข้างสูง เนื่องจากกระบวนการผลิตต้องใช้เทคโนโลยีเฉพาะ แต่หากเทียบกับการดูแลระยะยาวของโรคเรื้อรังหรือการพึ่งพาผู้อื่นในชีวิตประจำวัน การรักษาฟื้นฟูที่ได้ผลอาจคุ้มค่าในระยะยาว
ทำไมยังไม่มีใช้ทั่วไปในโรงพยาบาลรัฐ?
เพราะยังอยู่ในระยะของการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้มาตรฐานระดับประเทศ และต้องใช้ทุนสูงมากในการทดสอบทางคลินิกจำนวนมากก่อนจะนำมาใช้จริงในระบบหลักประกันสุขภาพ
สเต็มเซลล์ อีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
แม้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์จะยังไม่ใช่ การรักษาหลัก สำหรับทุกโรคในผู้สูงอายุ แต่ด้วยแนวโน้มของงานวิจัยที่เพิ่มขึ้น และความจำเป็นในการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้นทุกปี การสนับสนุนทางเลือกนี้จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเพราะการมีชีวิตยืนยาว อาจเป็นเรื่องธรรมชาติ
แต่การมีชีวิตที่คุณภาพดี ต้องอาศัยการวางแผนสุขภาพอย่างรอบด้าน
หากคุณหรือคนในครอบครัวกำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการดูแลสุขภาพในวัยเกษียณ อย่าลังเลที่จะปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับทางเลือกฟื้นฟูสุขภาพด้วยสเต็มเซลล์ ที่อาจเป็นอีกก้าวเล็ก ๆ ที่นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้…
STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ
สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล
Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง
โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
Email: stemcellforlife@greaterpharma.com
Line : @stemcellforlife