การอยู่ไฟหลังคลอดของคุณแม่มือใหม่ ความเชื่อหรือจำเป็น

 

 

การอยู่ไฟในมุมมองของความเชื่อ

การอยู่ไฟมีรากฐานมาจากความเชื่อและภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนที่สืบทอดกันมา โดยไม่มีเครื่องมือแพทย์เหมือนปัจจุบัน พวกเขาสังเกตและเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า การให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายคุณแม่หลังคลอดมีผลดี จึงเกิดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติและคำอธิบายตามความเชื่อนั้นๆ เช่น

  • ป้องกันอาการหนาวสะท้านเมื่ออายุมากขึ้น เป็นความเชื่อที่ส่งต่อกันมาว่าหากไม่อยู่ไฟ ตอนแก่ตัวไปจะหนาวเข้ากระดูกได้ง่าย
  • ปรับสมดุลธาตุในร่างกาย ตามหลักการแพทย์แผนไทยเชื่อว่าการคลอดทำให้ธาตุไฟในร่างกายลดลง การอยู่ไฟคือการเติมธาตุไฟให้กลับมาสมดุล
  • ขับลมพิษ ขับของเสีย เป็นคำอธิบายแบบดั้งเดิมของการขับน้ำคาวปลาและของเสียต่างๆ

ในแง่นี้ การอยู่ไฟจึงมีลักษณะเป็นความเชื่อ ที่เป็นกุศโลบายในการดูแลสุขภาพของคุณแม่ในยุคสมัยนั้น

 

 

 

ประโยชน์ของการอยู่ไฟตามหลักวิทยาศาสตร์

  1. ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การประคบสมุนไพรและการอบตัวด้วยความร้อน ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการตั้งครรภ์และการคลอด
  2. บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ความร้อนจากการประคบหรืออบสมุนไพรมีฤทธิ์คล้ายกับการทำ hot compress therapy ในทางกายภาพบำบัด ซึ่งช่วยลดอาการตึงกล้ามเนื้อและปวดหลัง
  3. ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด กลิ่นสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ขมิ้น ไพล และการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้ดูแลในระหว่างอยู่ไฟ มีผลเชิงบวกต่อสภาวะจิตใจ ช่วยลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดบางส่วนได้
  4. ช่วยให้มดลูกหดตัว ความร้อนอาจช่วยกระตุ้นให้มดลูกหดตัวเร็วขึ้น แม้ไม่ใช่กลไกหลักเหมือนออกซิโทซิน แต่มีผลกระตุ้นทางอ้อม

หลักการของการอยู่ไฟนั้นมีประโยชน์ และสอดคล้องกับหลักการฟื้นฟูร่างกาย ในมุมมองวิทยาศาสตร์ การใช้ความร้อนบำบัด การนวด การใช้สมุนไพร ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยส่งเสริม ให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ไม่สบายตัว และที่สำคัญคือ มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพจิตใจ

การที่คุณแม่ได้มีช่วงเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ มีคนคอยดูแลปรนนิบัติด้วยการนวดประคบ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูกอ่อน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้ 

 

 

 

หลักการสำคัญของการอยู่ไฟและคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์

การอยู่ไฟยุคใหม่ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ปลอดภัยและเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเน้นหลักการสำคัญที่สอดคล้องกับการฟื้นตัวของร่างกายตามหลักวิทยาศาสตร์ ดังนี้

 

1. การใช้ความร้อนบำบัด (Thermotherapy)

การใช้ความร้อนเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ไฟ  ได้แก่ การประคบสมุนไพร, การเข้ากระโจมอบไอน้ำสมุนไพร, การประคบหม้อเกลือ, การอาบน้ำอุ่น          ซึ่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่อธิบายประโยชน์ของความร้อนได้ดังนี้

  • กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ความร้อนช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น การไหลเวียนที่ดีจะช่วยนำออกซิเจนและสารอาหารไปซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ที่เสียหายจากการคลอดได้เร็วขึ้น และยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งอาจรวมถึงน้ำคาวปลา (Lochia) ด้วย
  • บรรเทาอาการปวดเมื่อย หลังคลอด คุณแม่มักมีอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณหลัง บั้นเอว และขา ความร้อนจะช่วยคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ ความร้อนกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวได้ดีขึ้น ทำให้มดลูกกลับคืนสู่ขนาดปกติหรือที่เรียกว่ามดลูกเข้าอู่ ได้เร็วขึ้น และช่วยลดปริมาณน้ำคาวปลาได้

 

2. การใช้สมุนไพร (Herbal Medicine)

สมุนไพรที่ใช้ในการอยู่ไฟมีหลากหลายชนิดและหลายวิธี เช่น การอบไอน้ำสมุนไพร, การประคบสมุนไพร, การดื่มน้ำสมุนไพร, การรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยสมุนไพร ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้:

  • สารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ สมุนไพรหลายชนิด เช่น ไพล (Zingiber cassumunar), ขมิ้นชัน (Curcuma longa), และตะไคร้ (Cymbopogon citratus) มีสารที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดอาการปวดบวมและส่งเสริมการฟื้นฟูแผล
  • น้ำมันหอมระเหย กลิ่นหอมจากสมุนไพร เช่น ผิวมะกรูด ตะไคร้ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณแม่หลังคลอดมักต้องเผชิญ
  • กระตุ้นการหลั่งน้ำนม สมุนไพรบางชนิด เช่น หัวปลี และขิง ถูกนำมาใช้ในอาหารสำหรับแม่หลังคลอด มีการศึกษาเบื้องต้นพบว่าอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม

 

3. การนวด (Massage Therapy)

การนวดเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายคุณแม่หลังคลอด มีประโยชน์ดังนี้

  • คลายกล้ามเนื้อและลดอาการปวด การนวดช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากการอุ้มท้องและกระบวนการคลอด
  • กระตุ้นการไหลเวียน เช่นเดียวกับความร้อน การนวดช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองให้ทำงานได้ดีขึ้น
  • ลดความเครียด การนวดช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้

 

4. การพยุงหน้าท้อง (Abdominal Support)

การใช้ผ้าพันหน้าท้องหรือการทับหม้อเกลือ เป็นวิธีที่ช่วยพยุงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่หย่อนคล้อยหลังคลอด

  • ลดอาการปวดแผลผ่าตัด สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอด การใช้ผ้าพยุงหน้าท้องช่วยลดการเคลื่อนไหวของแผล ทำให้บรรเทาความเจ็บปวดและช่วยให้เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น
  • ช่วยพยุงกล้ามเนื้อ ช่วยพยุงกล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังส่วนล่าง ทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่าการรัดหน้าท้องจะช่วยให้หน้าท้องยุบเร็วขึ้นอย่างถาวร

 

ข้อควรระวังในการอยู่ไฟ

          แม้ว่าการอยู่ไฟจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับคุณแม่ที่มีภาวะแทรกซ้อนคุณแม่ที่ผ่าคลอด ควรเว้นระยะให้แผลผ่าตัดหายดีก่อน (ประมาณ 30-45 วัน) และปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการอยู่ไฟ โดยเฉพาะการนวดหรือประคบบริเวณหน้าท้อง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ หากมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส ไม่ควรทำการอยู่ไฟเพราะความร้อนอาจทำให้อาการแย่ลง รวมทั้งความสะอาดและปลอดภัย สถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ต้องสะอาดและได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 

           การอยู่ไฟไม่ใช่สิ่งจำเป็นทางการแพทย์ที่คุณแม่ทุกคนต้องทำ แต่เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่มีประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ โดยนำเอาภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผสมผสานเข้ากับความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยการใช้ความร้อน สมุนไพร และการนวดเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายของคุณแม่ ลดอาการปวดเมื่อย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และส่งเสริมสุขภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่เป็นประโยชน์ในการดูแลตนเองหลังคลอด อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรเลือกรับบริการจากสถานประกอบการที่น่าเชื่อถือและปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ โดยเฉพาะหากมีภาวะสุขภาพที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

 

          การตัดสินใจว่าจะอยู่ไฟหรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับความพร้อม ความสะดวก และความเชื่อของแต่ละบุคคล หากคุณแม่เลือกที่จะอยู่ไฟ ก็จะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากการฟื้นตัวตามปกติ แต่หากเลือกที่จะไม่อยู่ไฟ และดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็สามารถมีสุขภาพที่แข็งแรงและฟื้นตัวได้ดีเช่นเดียวกัน

 

หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้… 

STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ

 

สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล

 

 

Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง

โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.

Email: stemcellforlife@greaterpharma.com

Line : @stemcellforlife

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *