ผ่าคลอด หรือ คลอดธรรมชาติ คุณแม่มือใหม่เลือกแบบไหนดี?

 

           คุณแม่มือใหม่หลายคนคงกำลังตั้งคำถามในใจว่า จะผ่าคลอด หรือ คลอดธรรมชาติดี? การตัดสินใจครั้งนี้สำคัญมาก เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัยทั้งของคุณแม่และลูกน้อย ไม่มีคำตอบที่ ถูกหรือผิด สำหรับทุกคนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพของคุณแม่ ท่าของทารก หรือแม้แต่ความกังวลส่วนตัว มาเจาะลึกข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี เพื่อช่วยให้คุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

 

 

การคลอดธรรมชาติ (Vaginal Birth)

การคลอดธรรมชาติคือกระบวนการที่ทารกคลอดออกมาทางช่องคลอดของคุณแม่เอง โดยอาศัยแรงบีบตัวของมดลูกและแรงเบ่งของคุณแม่ ซึ่งเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกาย การคลอดแบบนี้สามารถแบ่งย่อยได้อีก เช่น การคลอดธรรมชาติแบบไม่ใช้ยา (เช่น การคลอดในน้ำ) หรือการคลอดธรรมชาติโดยใช้ยาบรรเทาปวด 

ข้อดีของการคลอดธรรมชาติ

  1. ฟื้นตัวเร็ว โดยทั่วไป คุณแม่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าคลอด สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้เร็วกว่า
  2. ลดความเสี่ยง มีความเสี่ยงในการติดเชื้อน้อยกว่าการผ่าตัด และไม่เกิดแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง
  3. ช่วยเรื่องน้ำนม การคลอดธรรมชาติจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้เร็วขึ้น
  4. ประโยชน์ต่อทารก ทารกที่คลอดธรรมชาติจะได้รับจุลินทรีย์ที่ดีจากช่องคลอดของคุณแม่ ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในอนาคต และปอดของทารกจะถูกบีบรีด ทำให้ของเหลวในปอดถูกขับออก ลดความเสี่ยงในการมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ

ข้อจำกัดของการคลอดธรรมชาติ

  1. เจ็บปวด เป็นการคลอดที่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากอาการเจ็บท้องคลอด
  2. คาดเดายาก ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนได้ การคลอดอาจใช้เวลานานและมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด
  3. อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน อาจเกิดภาวะช่องคลอดฉีกขาด หรือต้องกรีดฝีเย็บ

 

การผ่าคลอด (Cesarean Section หรือ C-section)

การผ่าคลอดคือการผ่าตัดเพื่อนำทารกออกจากครรภ์ผ่านทางหน้าท้องและมดลูกของคุณแม่ โดยคุณหมอจะทำการผ่าตัดบริเวณหน้าท้องส่วนล่างและมดลูกเพื่อเปิดทางให้ทารกออกมา การผ่าคลอดมักทำในกรณีที่คุณแม่หรือทารกมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ทำให้ไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย หรือในกรณีที่คุณแม่เลือกที่จะผ่าคลอดด้วยเหตุผลส่วนตัวและได้รับการพิจารณาจากแพทย์แล้ว

ข้อดีของการผ่าคลอด

  1. กำหนดวันเวลาได้ คุณแม่สามารถกำหนดวันเวลาคลอดได้ล่วงหน้า ทำให้สะดวกในการเตรียมตัว
  2. ลดความเจ็บปวด คุณแม่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดในระหว่างการผ่าตัด เนื่องจากมีการใช้ยาชาหรือยาสลบ
  3. เหมาะสำหรับบางกรณี จำเป็นสำหรับคุณแม่ที่มีภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์ หรือทารกอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสม เช่น ท่าก้น

 

ข้อจำกัดของการผ่าคลอด

  1. ฟื้นตัวช้ากว่า การฟื้นตัวหลังผ่าตัดมักจะใช้เวลานานกว่า และมีอาการเจ็บแผลผ่าตั
  2. ความเสี่ยงจากการผ่าตัด มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เลือดออกมาก หรือเกิดลิ่มเลือด
  3. มีแผลเป็น จะมีแผลเป็นจากการผ่าตัดที่หน้าท้อง
  4. การผ่าคลอดครั้งแรกอาจส่งผลให้การคลอดธรรมชาติในท้องถัดไปมีความเสี่ยงมากขึ้น (แต่ก็ยังสามารถทำได้ในบางกรณีที่เรียกว่า VBAC – Vaginal Birth After Cesarean)

 

แล้วคุณแม่ควรเลือกแบบไหนดี?

ทางที่ดีที่สุดคือการ ปรึกษาคุณหมอ ที่ดูแลครรภ์ของคุณแม่ คุณหมอจะสามารถประเมินสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยได้อย่างละเอียด และให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดกับแต่ละบุคคล บางครั้งการตัดสินใจอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณแม่เพียงอย่างเดียว แต่อาจมีข้อจำกัดหรือข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ทำให้ต้องเลือกการผ่าคลอด

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมตัวให้พร้อมไม่ว่าจะเลือกคลอดวิธีไหนก็ตาม การดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง การหาข้อมูล และการพูดคุยกับคุณหมออย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลและพร้อมรับมือกับการคลอดที่กำลังจะมาถึงค่ะ ขอให้คุณแม่ทุกท่านมีความสุขกับการตั้งครรภ์ และขอต้อนรับสมาชิกตัวน้อยสู่ครอบครัว

 

หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้… 

STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ

 

สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล

 

 

Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง

โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.

Email: stemcellforlife@greaterpharma.com

Line : @stemcellforlife

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *