ตะคริวของคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นแล้วไม่ต้องตกใจ มีวิธีบรรเทาง่ายๆ

 

              ภาวะตะคริวที่ขา (Leg Cramps) เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่พบได้บ่อยในสตรีมีครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่สองและสามของการตั้งครรภ์ อาการดังกล่าวคือการหดเกร็งของกล้ามเนื้ออย่างฉับพลันโดยไม่สามารถควบคุมได้ มักเกิดบริเวณน่องและต้นขา สร้างความเจ็บปวดและรบกวนการพักผ่อนในเวลากลางคืน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ แนวทางการบรรเทาอาการเบื้องต้น รวมถึงวิธีป้องกันเพื่อการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมตลอดการตั้งครรภ์

 

 

 

ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์จึงเป็นตะคริว ?

ภาวะตะคริวระหว่างการตั้งครรภ์เกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ดังนี้

  1. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ การขยายขนาดของมดลูกตามอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้เกิดแรงกดทับต่อเส้นเลือดใหญ่ และเส้นประสาทในบริเวณอุ้งเชิงกรานที่ทอดไปยังขา ทำให้การไหลเวียนโลหิตลดลงและเกิดการคั่งของเลือดในส่วนปลาย ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดตะคริวได้
  2. น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น การรับน้ำหนักของร่างกายที่เพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อขาต้องทำงานหนักกว่าปกติ นำไปสู่ภาวะอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ และเสี่ยงต่อการหดเกร็ง
  3. การเปลี่ยนแปลงของระดับแร่ธาตุ มีสมมติฐานว่าการเปลี่ยนแปลงของสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับแคลเซียม และแมกนีเซียม อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดตะคริวที่เพิ่มขึ้นในสตรีมีครรภ์
  4. ภาวะขาดน้ำ  การดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สามารถนำไปสู่การเสียสมดุลของอิเล็กโทรไลต์และทำให้เซลล์กล้ามเนื้อไวต่อการหดเกร็งได้ง่ายขึ้น

 

 

 

 

ตะคริวแบบไหนที่เจอบ่อย?

ตะคริวที่คุณแม่ตั้งครรภ์เจอบ่อยคือที่ กล้ามเนื้อน่องหรือเท้า มักจะเป็นตอนกลางคืนหรือเวลาพักผ่อนอยู่กับที่นาน ๆ เมื่อเริ่มเป็นจะรู้สึกปวดและแข็งตึง บางรายอาจปวดจนร้องไห้เลยก็มี

 

 

วิธีบรรเทาอาการตะคริวง่าย ๆ ที่คุณแม่ทำได้เอง

เมื่อเกิดอาการตะคริวอย่างฉับพลัน คุณแม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อบรรเทาอาการปวดได้

  • การยืดกล้ามเนื้อ ให้เหยียดขาข้างที่มีอาการปวดเกร็งให้ตรง จากนั้นทำการกระดกปลายเท้าขึ้นเข้าหาหน้าแข้ง อย่างช้าๆ ค้างไว้ประมาณ 15-30 วินาที จนกระทั่งอาการทุเลาลง การปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อน่องที่กำลังหดเกร็งให้คลายตัว
  • การนวดคลึง ใช้มือบีบนวดเบาๆ บริเวณกล้ามเนื้อมัดที่กำลังปวดเกร็ง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว
  • การใช้ความร้อน การประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นหรือกระเป๋าน้ำร้อนบริเวณดังกล่าวภายหลังอาการเกร็งทุเลาลงแล้ว จะช่วยลดอาการปวดตึงที่ยังคงเหลืออยู่ได้
  • การเดิน หากอาการไม่รุนแรง การค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเดินช้าๆ สามารถช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน

 

 

แนวทางการป้องกันในระยะยาว

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางประการ สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของการเกิดตะคริวได้

  • การยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำ ควรทำการยืดกล้ามเนื้อน่องและต้นขาทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนเข้านอน
  • การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ สตรีมีครรภ์ควรดื่มน้ำสะอาดประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • รับประทานอาหารที่สมดุล เน้นการบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม (ผลิตภัณฑ์จากนม, ปลาตัวเล็ก, ผักใบเขียว) และแมกนีเซียม (ถั่วเปลือกแข็ง, ธัญพืชไม่ขัดสี, กล้วย)
  • การออกกำลังกายที่เหมาะสม การออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน หรือการว่ายน้ำ ช่วยส่งเสริมระบบไหลเวียนโลหิตและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยครั้ง เพื่อลดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนล้าและการไหลเวียนโลหิตที่ติดขัด
  • ปรับท่านอน แนะนำให้นอนในท่าตะแคงซ้าย เพื่อลดการกดทับของมดลูกบนเส้นเลือดดำใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับสู่หัวใจและไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น

ข้อควรระวังและสัญญาณที่ควรพบแพทย์

แม้ว่าภาวะตะคริวโดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตราย แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด:

  • อาการปวดมีความรุนแรง คงอยู่ตลอดเวลา และไม่ทุเลาลงด้วยการยืดกล้ามเนื้อ
  • พบอาการบวม แดง หรือรู้สึกร้อนบริเวณขาข้างที่มีอาการ
  • มีอาการปวดขณะเดิน

เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ของภาวะที่รุนแรงกว่า เช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน ภาวะตะคริวเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักไม่เป็นอันตรายในสตรีมีครรภ์ การทำความเข้าใจสาเหตุและเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง ทั้งการบรรเทาอาการเฉียบพลันและการป้องกันในระยะยาว จะช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถรับมือกับอาการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การสังเกตอาการผิดปกติและเข้ารับคำปรึกษาจากสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์เป็นประจำ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์

 

หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้… 

STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ

 

สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล

 

 

Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง

โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.

Email: stemcellforlife@greaterpharma.com

Line : @stemcellforlife

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *