ภาวะตะคริวที่ขา (Leg Cramps) เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่พบได้บ่อยในสตรีมีครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่สองและสามของการตั้งครรภ์ อาการดังกล่าวคือการหดเกร็งของกล้ามเนื้ออย่างฉับพลันโดยไม่สามารถควบคุมได้ มักเกิดบริเวณน่องและต้นขา สร้างความเจ็บปวดและรบกวนการพักผ่อนในเวลากลางคืน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ แนวทางการบรรเทาอาการเบื้องต้น รวมถึงวิธีป้องกันเพื่อการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมตลอดการตั้งครรภ์
ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์จึงเป็นตะคริว ?
ภาวะตะคริวระหว่างการตั้งครรภ์เกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ การขยายขนาดของมดลูกตามอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้เกิดแรงกดทับต่อเส้นเลือดใหญ่ และเส้นประสาทในบริเวณอุ้งเชิงกรานที่ทอดไปยังขา ทำให้การไหลเวียนโลหิตลดลงและเกิดการคั่งของเลือดในส่วนปลาย ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดตะคริวได้
- น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น การรับน้ำหนักของร่างกายที่เพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อขาต้องทำงานหนักกว่าปกติ นำไปสู่ภาวะอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ และเสี่ยงต่อการหดเกร็ง
- การเปลี่ยนแปลงของระดับแร่ธาตุ มีสมมติฐานว่าการเปลี่ยนแปลงของสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับแคลเซียม และแมกนีเซียม อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดตะคริวที่เพิ่มขึ้นในสตรีมีครรภ์
- ภาวะขาดน้ำ การดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สามารถนำไปสู่การเสียสมดุลของอิเล็กโทรไลต์และทำให้เซลล์กล้ามเนื้อไวต่อการหดเกร็งได้ง่ายขึ้น
ตะคริวแบบไหนที่เจอบ่อย?
ตะคริวที่คุณแม่ตั้งครรภ์เจอบ่อยคือที่ กล้ามเนื้อน่องหรือเท้า มักจะเป็นตอนกลางคืนหรือเวลาพักผ่อนอยู่กับที่นาน ๆ เมื่อเริ่มเป็นจะรู้สึกปวดและแข็งตึง บางรายอาจปวดจนร้องไห้เลยก็มี
วิธีบรรเทาอาการตะคริวง่าย ๆ ที่คุณแม่ทำได้เอง
เมื่อเกิดอาการตะคริวอย่างฉับพลัน คุณแม่สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อบรรเทาอาการปวดได้
- การยืดกล้ามเนื้อ ให้เหยียดขาข้างที่มีอาการปวดเกร็งให้ตรง จากนั้นทำการกระดกปลายเท้าขึ้นเข้าหาหน้าแข้ง อย่างช้าๆ ค้างไว้ประมาณ 15-30 วินาที จนกระทั่งอาการทุเลาลง การปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อน่องที่กำลังหดเกร็งให้คลายตัว
- การนวดคลึง ใช้มือบีบนวดเบาๆ บริเวณกล้ามเนื้อมัดที่กำลังปวดเกร็ง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว
- การใช้ความร้อน การประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นหรือกระเป๋าน้ำร้อนบริเวณดังกล่าวภายหลังอาการเกร็งทุเลาลงแล้ว จะช่วยลดอาการปวดตึงที่ยังคงเหลืออยู่ได้
- การเดิน หากอาการไม่รุนแรง การค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเดินช้าๆ สามารถช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน
แนวทางการป้องกันในระยะยาว
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางประการ สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของการเกิดตะคริวได้
- การยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำ ควรทำการยืดกล้ามเนื้อน่องและต้นขาทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนเข้านอน
- การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ สตรีมีครรภ์ควรดื่มน้ำสะอาดประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- รับประทานอาหารที่สมดุล เน้นการบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม (ผลิตภัณฑ์จากนม, ปลาตัวเล็ก, ผักใบเขียว) และแมกนีเซียม (ถั่วเปลือกแข็ง, ธัญพืชไม่ขัดสี, กล้วย)
- การออกกำลังกายที่เหมาะสม การออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน หรือการว่ายน้ำ ช่วยส่งเสริมระบบไหลเวียนโลหิตและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยครั้ง เพื่อลดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนล้าและการไหลเวียนโลหิตที่ติดขัด
- ปรับท่านอน แนะนำให้นอนในท่าตะแคงซ้าย เพื่อลดการกดทับของมดลูกบนเส้นเลือดดำใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับสู่หัวใจและไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น
ข้อควรระวังและสัญญาณที่ควรพบแพทย์
แม้ว่าภาวะตะคริวโดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตราย แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด:
- อาการปวดมีความรุนแรง คงอยู่ตลอดเวลา และไม่ทุเลาลงด้วยการยืดกล้ามเนื้อ
- พบอาการบวม แดง หรือรู้สึกร้อนบริเวณขาข้างที่มีอาการ
- มีอาการปวดขณะเดิน
เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ของภาวะที่รุนแรงกว่า เช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน ภาวะตะคริวเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักไม่เป็นอันตรายในสตรีมีครรภ์ การทำความเข้าใจสาเหตุและเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง ทั้งการบรรเทาอาการเฉียบพลันและการป้องกันในระยะยาว จะช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถรับมือกับอาการดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การสังเกตอาการผิดปกติและเข้ารับคำปรึกษาจากสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์เป็นประจำ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์
หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้…
STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ
สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล
Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง
โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
Email: stemcellforlife@greaterpharma.com
Line : @stemcellforlife