ว่าด้วยเรื่องไตรมาสของการตั้งครรภ์ ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรรู้

 

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความคาดหวัง และคำถามมากมาย โดยเฉพาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่

 

การเข้าใจพัฒนาการของทารกในแต่ละไตรมาส รวมถึงการดูแลสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างถูกต้อง ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

 

 

ไตรมาสที่ 1 (สัปดาห์ที่ 1–12): จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่งดงาม และทุกไตรมาสล้วนมีความหมาย แต่ ไตรมาสที่ 1 คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นการเริ่มต้นของชีวิตใหม่อย่างแท้จริง เป็นช่วงที่เซลล์ต่าง ๆ เริ่มแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะสำคัญของทารก ทั้งสมอง หัวใจ กระดูกสันหลัง และระบบประสาท การดูแลสุขภาพในช่วงนี้จึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เช่น รับประทานโฟลิก แอซิด พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสารเคมี และงดการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

ข้อมูลทางการแพทย์

• ทารกในช่วงสัปดาห์ที่ 4–5: หัวใจเริ่มเต้นและระบบไหลเวียนเลือดเริ่มทำงาน
• สัปดาห์ที่ 6–7: เริ่มเห็นการพัฒนาสมองและไขสันหลังผ่านอัลตราซาวด์
• สัปดาห์ที่ 8–10: แขนขา ใบหน้า และอวัยวะเพศเริ่มเป็นรูปร่าง
• Folic Acid : แนะนำให้รับประทานวันละ 0.4–0.8 มิลลิกรัมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จนถึงอย่างน้อยสัปดาห์ที่ 12 เพื่อป้องกันความผิดปกติของทารก

ไตรมาสที่ 2 (สัปดาห์ที่ 13–26): พัฒนาการต่อเนื่อง

คุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของลูกน้อย และมักจะมีพลังงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ระบบอวัยวะของทารกเริ่มทำงานมากขึ้น และเริ่มมีการสร้างไขกระดูก ในช่วงนี้คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการทานอาหารที่หลากหลายและมีคุณค่าทางโภชนาการ และควรเข้ารับการฝากครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ

ข้อมูลทางการแพทย์

• สัปดาห์ที่ 18–20: สามารถตรวจอัลตราซาวด์โครงสร้างทารก เพื่อดูความผิดปกติของอวัยวะ
• ตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม เช่น ดาวน์ซินโดรม ได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 10
• ทารกเริ่มสร้างไขกระดูกและมีการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันจากแม่

ไตรมาสที่ 3 (สัปดาห์ที่ 27–คลอด): เตรียมตัวต้อนรับสมาชิกใหม่

ช่วงปลายของการตั้งครรภ์นี้ ทารกจะเริ่มสะสมไขมัน น้ำหนักเพิ่มขึ้น และร่างกายพร้อมต่อการใช้ชีวิตนอกครรภ์ คุณแม่อาจรู้สึกเหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ หรือมีอาการปวดหลัง การดูแลตนเองด้วยการพักผ่อน และเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด เช่น เข้าคลาสเตรียมคลอด หรือเตรียมของใช้จำเป็นไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกมั่นใจมากขึ้น

 

ข้อมูลทางการแพทย์

• ทารกในสัปดาห์ที่ 32–36: ปอดเริ่มสมบูรณ์ ระบบประสาทพัฒนาเต็มที่
• ตรวจสุขภาพเป็นระยะ: เพื่อตรวจหาภาวะครรภ์เป็นพิษ, ความดันสูง, น้ำตาลในเลือด, และการเจริญเติบโตของทารก
• เรียนรู้เรื่องการบีบรัดมดลูก การหายใจขณะเจ็บครรภ์ และทางเลือกในการคลอด

 

 

การดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์

 

1. โภชนาการที่เหมาะสม

รับประทานอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีกรดโฟลิก แคลเซียม ธาตุเหล็ก และโปรตีนสูง หลีกเลี่ยงอาหารดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ซูชิ ไข่ดิบ หรือเนื้อดิบ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8–10 แก้ว เพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยระบบขับถ่าย

2. ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ โยคะสำหรับคนท้อง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ลดอาการบวม และลดความเครียด หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการล้ม

 

3. พักผ่อนให้เพียงพอ

นอนอย่างน้อยวันละ 7–9 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูคืนสภาพ กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม หากมีอาการนอนไม่หลับในไตรมาสหลัง อาจใช้หมอนรองครรภ์ช่วยประคองท่าทางให้นอนสบายขึ้น

4. ตรวจครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ

ตรวจติดตามพัฒนาการทารก การเจริญเติบโต หรือความผิดปกติ    ต่าง ๆ และจะมีการตรวจปัสสาวะ เพื่อดูน้ำตาลและโปรตีน เช็คความดันโลหิต ติดตามอาการบวมของคุณแม่ด้วย

5. สุขภาพจิตก็สำคัญ

หลีกเลี่ยงความเครียดและรับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ พูดคุยกับครอบครัวหรือกลุ่มแม่ตั้งครรภ์เพื่อรับกำลังใจ หากมีภาวะวิตกกังวลหรือซึมเศร้า ควรปรึกษาแพทย์

6. หลีกเลี่ยงสิ่งที่อันตราย

หลีกเลี่ยงคาเฟอีนเกินวันละ 1 แก้ว งดบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อทารก หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีหรือรังสีต่าง ๆ

 

อย่าลืมเรื่องสำคัญ “การเก็บสเต็มเซลล์”

เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอด หลายครอบครัวอาจยังไม่รู้ว่ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิตที่สามารถ “เก็บสเต็มเซลล์จากสายสะดือ” ได้ ซึ่งอาจเป็นสิ่งสำคัญในอนาคตสำหรับการดูแลสุขภาพของลูกน้อยและสมาชิกในครอบครัว เริ่มต้นดูแลครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสแรกเพื่อให้ได้สเต็มเซลล์ที่มีคุณภาพดี หลังจากนั้นวางแผนตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 หรือต้นไตรมาสที่ 3 จะทำให้คุณมีเวลาเตรียมตัวและตัดสินใจได้ดีที่สุด เพราะสิ่งสำคัญคือ “การเก็บไว้” อาจกลายเป็นของขวัญล้ำค่าทางสุขภาพสำหรับอนาคตของลูกน้อย

 

หากคุณกำลังมองหาสถานที่เก็บรักษาสเต็มเซลล์ที่คุณไว้วางใจได้…

STEM CELL FOR LIFE (สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์) คือคำตอบ

 

สอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ สเต็มเซลล์ฟอร์ไลฟ์ (STEM CELL FOR LIFE) เรื่องสเต็มเซลล์มั่นใจได้ที่ SCL เพราะเราเป็นธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตการผลิตสเต็มเซลล์เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นยา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข และเป็นบริษัทเดียวที่อยู่ภายใต้โรงงานเภสัชกรรมที่ได้รับ GMP มาตรฐานสากล

 

Hotline. 085-227-7909 24 ชั่วโมง

โทร. 0-2889-2600 จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.

Email: stemcellforlife@greaterpharma.com

Line : @stemcellforlife